นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการที่อยู่อาศัยราคาถูก ตามนโยบายของนายสมคิด

ธอส. เตรียมปล่อยกู้บ้านราคาถูก ผ่อนเดือนละไม่เกิน 4,000

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการที่อยู่อาศัยราคาถูก ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี (อ่านข่าว ธอส.-การเคหะฯ เล็งผุดบ้านราคาถูก) ว่า ภายในสิ้นปีนี้ ธนาคารจะจัดทำโครงการบ้านประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้น้อย ในราคาหลังละไม่เกิน 1 ล้านบาท ด้วยการรวบรวมโครงการจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 100,000 หน่วย
โดยจะให้สิทธิ์ 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีรายได้น้อย ผู้ต้องการมีบ้านหลังแรก และผู้สูงอายุ ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 5 ปีแรก ซึ่งเบื้องต้นกำหนดวงเงินผ่อนชำระไม่เกิน 4,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 40 ปี โดยธนาคารจะสร้างระบบสินเชื่อบ้านสำหรับผู้กู้รายย่อย ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมีกำลังผ่อนชำระหนี้ได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ยื่นกู้ร่วมได้ 2 คน ซึ่งจะเหลือค่าผ่อนแค่ประมาณคนละ 2,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น

ธอส.พยายามจะสร้างระบบของสินเชื่อสำหรับผู้กู้รายย่อย

ทั้งนี้ ธนาคารมีพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,000 แบรนด์ ซี่งมีผู้ที่เคยทำโครงการบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทอยู่หลายราย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ที่มีราคาตั้งแต่ 800,000-999,000 บาท โดยได้มีการหารือแล้วประมาณ 2-3 ราย และยืนยันว่าตอนนี้มีบ้านพร้อมขายหรือสามารถเข้ามาอยู่ได้เลย ไม่ต่ำกว่า 30,000 หน่วย แบ่งเป็นโครงการที่พร้อมให้เข้าอยู่ในปีนี้ได้เลยประมาณ 10,000 หน่วย และเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดจะแล้วเสร็จในปี 2562 อีก 20,000 หน่วย
โดย ธอส.พยายามจะสร้างระบบของสินเชื่อสำหรับผู้กู้รายย่อย (โพสต์ไฟแนนซ์) ซึ่งจะช่วยให้คนผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถมีกำลังผ่อนชำระหนี้เงินกู้ได้ภายใต้วงเงินผ่อนไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท ขณะเดียวกันถ้าเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยจริง ๆ และกลัวว่าจะไม่มีเงินผ่อน ธอส.ก็เปิดทางให้ผู้มายื่นกู้เงินสามารถยื่นกู้ร่วมได้ 2 คน เมื่อถึงเวลาจ่ายจะตกคนละ 2,000 บาทเท่านั้น
ดังนั้นการดำเนินงานตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ภายใต้กรอบการดำเนินโครงการที่ ธอส.กำลังจัดทำอยู่ ทั้งนี้ครึ่งปีแรกของปี 2561 ธอส.มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 105,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 53.67 เปอร์เซ็นต์ เป็นจำนวนบัญชีทั้งสิ้น 85,263 บัญชี
เรียบเรียงบทความโดย boarddung.com
Scroll to Top