บัตรเครดิตใบแรกก็มีเทคนิคในการเลือกเหมือนกันครับ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยในการเลือกและคัดกรองให้เพื่อนๆ ได้พบกับบัตรเครดิตใบแรกที่เหมาะสม

เทคนิคการเลือกบัตรเครดิตใบเเรกให้เหมาะกับเรา

นอกจากคุณสมบัติที่ต้องมีเเล้ว บัตรเครดิตใบแรกก็มีเทคนิคในการเลือกเหมือนกันครับ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยในการเลือกและคัดกรองให้เพื่อนๆ ได้พบกับบัตรเครดิตใบแรกที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดครับ
1. เลือกตามไลฟ์สไตล์
ไลฟ์สไตล์เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยครับ เพราะไลฟ์สไตล์บ่งบอกถึงรูปแบบการใช้เงินของพวกเราแต่ละคน และรูปแบบการใช้เงินนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกได้เช่นกันครับว่า บัตรเครดิตแบบไหนเหมาสำหรับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด อาทิ
  • ไลฟ์สไตล์ที่ชอบท่องเที่ยว อาจเหมาะกับบัตรเครดิตที่สะสมไมล์การเดินทางโดยเครื่องบินได้ หรือบัตรที่สามารถใช้จ่ายได้ในต่างประเทศ ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้การเดินทางและใช้เงินของเพื่อน ๆ ราบรื่นขึ้นครับ
  • สำหรับไลฟ์สไตล์สายกิน คงไม่พ้นจากบัตรที่มีพันธมิตรร่วมรายการเป็นร้านอาหารครับ เพราะนอกจากจะได้ส่วนลดหรือสะสมแต้มแล้ว บางร้านก็มีเมนูที่เสริฟเป็นของสัมนาคุณให้กับเฉพาะผู้ถือบัตรด้วยครับ
  • ขณะเดียวกันสายช้อปปิ้ง จะเพลิดเพลินไปกับบัตรที่เน้นส่วนลด หรือโปรโมชั่นของแถม กับการสะสมแต้มเพื่อแลกเงินคืน ซึ่งบัตรชนิดนี้ นอกจจากจะทำให้เราจ่ายในราคาที่ถูกกว่าแล้ว ยังมีโอกาสได้รับเงินคืนเพื่อใช้ช้อปในครั้งต่อๆ ไปด้วยครับ
2. เลือกตามประเภทของบัตร
การแบ่งประเภทของบัตรเครดิต อาจจะมีการแบ่งแตกต่างกันออกไปซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ใช้กำหนดครับ แต่ในคราวนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับการแบ่งเป็น บัตร Cash Back และบัตร Point กันครับ
Cash Back—เครดิตเงินคืน
บัตรเครดิตที่เน้น Cash Back คือ บัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นคืนเงินให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ซึ่งทางธนาคารจะคืนเงินให้กับผู้ถือบัตรหลังจากมีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยจำนวนเงินคืนที่ได้นั้นอาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดจ่ายชำระ หรือยอดเงินคงตามที่กำหนดในแต่ละโปรโมชั่น และระยะเวลาในการคืนเงินนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชั่นด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นรอบบัญชีเดือนถัดไป เป็นต้นครับ
Point—สะสมแต้ม
บัตรเครดิตสะสมแต้ม คือ บัตรเครดิตที่มีการสะสมแต้มในทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตครับ โดยแต้มคะแนนเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ถือบัตรใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และจะได้คืนกลับมาเป็นแต้มสะสมอัตโนมัติ ซึ่งเงื่อนไขในการสะสมแต้มก็ขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตนั้น ๆ ครับ โดยส่วนมากเริ่มต้นอยู่ที่ 25 บาทต่อ 1 คะแนน

และสิทธิประโยชน์จากแต้มเหล่านี้ ก็มีมากมายเลยล่ะครับ อาทิ
-ใช้เป็นส่วนลดในการชำระสินค้าหรือบริการต่างๆ
-สามารถรับสินค้าสมนาคุณหากมีแต้มบัตรถึงตามที่เงื่อนไขกำหนด
-นำไปแลกเป็นตั๋วภาพยนตร์ เครื่องบิน หรือที่พักระหว่างการเดินทาง
-นำไปแลกเป็นเงินคืนได้เช่นกันครับ
*แต่ทั้งนี้ ต้องสังเกตด้วยนะครับว่า มีร้านค้าใดบ้างที่ร่วมโปรโมชั่นกับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่

3. เลือกตามเครือข่ายของบัตร
หากเพื่อน ๆ สังเกตที่บัตรเครดิตบ่อย ๆ จะเห็นตราภาษาอังกฤษอย่าง Visa, MasterCard, JCB, UnionPay เป็นต้น ใช่ไหมครับ ซึ่งเจ้าตราพวกนี้คือ เครือข่ายการชำระเงินบัตรเครดิต (Payment Gateway) เป็นตัวกลางในการชำระเงินระหว่างร้านค้ากับสถาบันการเงิน หากบัตรเครดิตของเรามีตราตัวไหน ก็แสดงว่าบัตรของเราสามารถชำระเงินในร้านค้าที่มีเครือข่ายตัวกลางเดียวกับเราได้นั่นเองครับ
ขณะเดียวกัน บัตรที่มีตัวกลางอย่าง Visa, MasterCard จะมีเครือข่ายชำระเงินครอบคลุมทั่วโลกและเป็นที่ยอมรับจากสากล ว่าง่าย ๆ เลยคือ “ไปจ่ายที่ไหน ใครเขาก็รับล่ะครับ” แต่ทั้งนี้ การใช้จ่ายโดยตัวกลางแต่ละแบบก็มีสิทธิประโยชน์แตกต่างกันออกไป ดังนี้ครับ
บัตรเครดิต Visa เป็นบัตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายและครอบคลุมทั่วโลก มีร้านค้าและบริการต่าง ๆ ที่รองรับบัตรชนิดนี้ และยังสามารถกดเงินจากตู้ ATM ได้ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเลยล่ะครับ (ใครเป็นสายเดินทางอาจจะเหมากับบัตร Visa นะครับ)
  • บัตรเครดิต MasterCard
    อีกหนึ่งเครือข่ายที่มาจากสหรัฐอเมริกา และได้รับความนิยมที่สูงไม่แพ้ Visa เลยครับ แต่จุดที่ต่างกันคือ MasterCard จะมีเครือข่ายรองรับการใช้งานที่มากกว่าเท่านั้นเอง (ได้ใจสายท่องเที่ยวไปเต็มๆ)
  • บัตรเครดิต JCB
    คือ ผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งบัตรที่เริ่มได้รับความสนใจ เพราะในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่เริ่มรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต JCB แล้วครับ นอกจากนี้ JCB ก็มีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เช่น การจองตั๋ว/ที่พัก การซื้อสินค้า บริการต่าง ๆ ในสนามบินที่แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ เรียกได้ว่าบัตรนี้มีขึ้นมาเพื่อผู้ที่ถวิลหาความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง!
  • บัตรเครดิต UnionPay
    ผู้ให้บริการเครือช่ายจากประเทศจีน ซึ่งมีร้านค้าในประเทศไทยที่รับการชำระผ่านบัตรชนิดนี้อย่างหลากหลาย และมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับผู้ที่เดินทางไปประเทศจีน มาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์โดยใช้สกุลเงินของประเทศข้างต้นด้วยครับ
4. เลือกที่มีโปรโมชันตลอดทั้งปี
เมื่อจะสมัครบัตรเครดิตแล้ว สิ่งที่ต้องมองหาต่อมาคือเรื่องของ โปรโมชั่นครับ เพราะโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่แต่ละสถาบันการเงินนำมาเสนอให้กับลูกค้า เช่น ส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร โค้ดลดราคาช้อปปิ้งออนไลน์ รวมถึงการสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัล เป็นต้น ต่างก็มีช่วงเวลาและเงื่อนไขสำหรับโปรโมชั่นที่แตกต่างกันครับ ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราจึงควรเลือกบัตรที่มีโปรโมชั่นในหลาย ๆ หมวดการใช้จ่ายและมีสิทธิพิเศษให้ตลอดทั้งปี เมื่อจ่ายด้วยบัตรจะได้คุ้มกว่าใช้เงินสดนั่นเองครับ
5. อย่าลืมเช็คค่าธรรมเนียม
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญเลยคือ ค่าธรรมเนียมครับ เพราะถ้าเราไม่ศึกษาและเลือกให้ดี ค่าธรรมเนียมที่สอดคล้องกับความสามารถในการจ่ายหนี้ อาจจะกลายเป็นภัยเงียบด้านการเงินของเราได้ครับ เพราะในบางครั้งการได้วงเงินที่สูงต้องแลกด้วยค่าธรรมเนียมรายปีและดอกเบี้ยที่มากขึ้น ทั้งนี้เราเข้าใจความต้องการของตัวเองในการใช้บัตรเครดิตว่ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้าต้องการใช้ไม่กี่ครั้งอาจเลือกใช้บริการสถาบันการเงินที่มีการละเว้นค่าธรรมเนียมรายปีหรือดอกเบี้ยที่ถูกลงก็ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้ระดับหนึ่งเลยล่ะครับ
6. อย่าลืมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย
ดอกเบี้ย เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญมากเลยครับสำหรับเรื่องสินเชื่อ เพราะก่อนตัดสินใจทำบัตรเครดิต เราควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของแต่ละใบ แล้วเลือกบัตรที่คิดดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายหากเราจะตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตใบดังกล่าว ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถศึกษาข้อมูลการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตได้จากลิ้งนี้เลยครับ บัตรเครดิตคืออะไร

แนะนำ 4 บัตรเครดิตใบแรกที่น่าสนใจ

1.BBL MASTERCARD TRAVEL

บัตรเครดิตอีกใบนึงที่เหมาะกับคนชอบเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะถ้าใช้บัตรใบนี้จะสามารถทำให้เเราเนี่ยสามารถซื้อแพ้คเกจท่องเที่ยวในราคาพิเศษได้ตลอดทั้งปีเลย พร้อมส่วนลดโรงและอื่นๆด้านการท่องเที่ยวที่เป็นพันธมิตรกับบัตรเครดิต และยังสามารถใช้สะสมไมล์ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส หรือแอร์เอเชีย ได้อีกด้วย ที่สำคัญสำหรับคนที่ถือบัตรใบนี้จะมีผู้ช่วยส่วนบุคคลคอยประสานและให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

2.UOB PREFERRED

สำหรับบัตรเครดิตใบนี้จะเหมาะกับคนชอบช้อปปิ้ง ชอบซื้อของในห้างครับ เพราะบัตรใบนี้จะทำให้เราได้รับคะแนน The1 2 คะแนนทุกๆการใช้จ่าย 25 บาทในห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ พร้องทั้งยังได้อีก 2 ต่อนั่นก็คือ Point 1 คะแนนในทุกๆการจ่าย 15 บาท และ ยังได้ Cashback 15% เมื่อใช้จ่ายผ่านร้านอาหาร ช้อปปิ้งออนไลน์ และร้านค้าต่างๆที่ร่วมรายการอีกด้วย ที่สำคัญยังฟรีค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วยครับ

3.KTC AGODA PLATINUM MASTERCARD

ไหน!! ใครสายเที่ยวบ้างครับ บัตรเครดิตใบนี้จะทำให้เราสามารถอัปเกรดจากสมาชิก Agoda แบบธรรมดาเป็นสมากชิก Agoda Vip Platinum รับส่วนลดเพิ่มสูงถึง 25% แถมยังขยายอายุ Agoda Cash ยาวถึง 1 ปีเลยครับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวที่มักจองที่พักหรือตั๋วเครื่องบินผ่าน Agoda เอามากๆเลย ที่สำคัญยังฟรีค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วย

4.CITI GRAB

มาถึงบัตรเครดิตสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวหรือชอบใช้ Grab ในการเดินทางกันบ้างครับ บัตรเครดิตใบต่อไปที่ผมจะแนะนำก็คือ บัตรเครดิต Citi Grab ซึ่งต้องบอกเลยนะครับว่าบัตรเครดิตใบนี้ไม่ได้เหมาะกับแค่คนใช้บริขนส่งกับทาง Grab นะครับ แต่เหมาะกับทั้งคนที่ซื้อของ สั่งอาหาร และทำธุรกรรมต่างๆผ่านทาง Grab เลยครับ เพราะจะได้รับส่วนลดสูงถึง 15% เลยเมื่อใช้จ่ายผ่าน Grab
สำหรับการทำบัตรเครดิตใบแรก เรียกได้ว่านอกเหนือจากขั้นตอนการสมัครแล้ว ยังมีเทคนิคและข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเราควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ในช่วงเริ่มต้นครับ เพราะนอกจากจะทำให้เราได้เจอกับบัตรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราแล้ว ยังมีช่วยเพิ่มโอกาสให้เราประหยัดค่าเงิน และเป็นประโยชน์ต่อแผนการเงินของเราทุกคนด้วยครับ ดังนั้นแล้ว เพื่อน ๆ คนไหนกำลังจะเริ่มทำบัตรเครดิตใบแรกของตัวเองอยู่ล่ะก็ อย่าลืมนะครับ ที่เราแบ่งปันกันไว้ “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
เรียบเรียงบทความโดย boarddung.com
Scroll to Top