เมื่อเราพึ่งเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตการทำงานหลังจบการศึกษา การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรคำนึงถึง แต่เรื่องที่หลายๆ คนกำลังสับสนอยู่คือเรื่องของ “เก็บก่อน ใช้เงินหลัง” หรือ “ใช้เงินก่อน เก็บเงินหลัง” ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการวางแผนการเงินที่ง่ายๆ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
การเก็บเงินก่อนใช้
การเก็บเงินก่อนใช้เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมการเงินของตนเองอย่างแน่นอน หากเรามีนิสัยในการเก็บเงิน จะทำให้เรามีเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด ทำให้ชีวิตเรามีความมั่นคงและไม่ต้องกังวลในเรื่องการเงิน
การใช้เงินก่อนเก็บ
ในกรณีที่เรามีรายได้ที่น้อยลง และไม่สามารถเก็บเงินไว้ได้มากมาย การใช้เงินก่อนเก็บอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า โดยการใช้เงินในสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญให้กับชีวิตเรา อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงาน ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยการใช้เงินในสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ จะช่วยให้เรามีความสุขและควบคู่กับชีวิตในสังคม
เลือกวิธีในการเก็บเงินแบบความเสี่ยงต่ำ
1.เก็บเงินสด กับธนาคาร ในรูปแบบเงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากประจำ
- บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (Savings Account) เป็นบัญชีที่ไม่กำหนดระยะเวลาและจำนวนครั้งในการฝากถอน บัญชีประเภทนี้มีสภาพคล่องสูงเหมาะสำหรับการออมเงิน และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น กดเงิน โอนเงิน จ่ายบิลต่างๆ
- บัญชีเงินฝากประจำ (Fixed Deposit Account) บัญชีเงินฝากประจำ เป็นบัญชีที่มีการมีกำหนดระยะเวลาการฝากถอนที่แน่นอน เช่น 3 เดือน / 6 เดือน /12 เดือน/ 24 เดือน/ 36 เดือน ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร และมีการจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากแบบออมทรัพย์ธรรมดา
2.เก็บเงินกับประกันชีวิต
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมกันในปัจจุบันมากขึ้น คือ การทำประกันชีวิตในรูปแบบสะสมทรัพย์ เพื่อเป็นตัวช่วยในการวางแผนการเงิน เก็บเงินให้อยู่ เพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่ในอนาคต
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ ประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่เน้นการเก็บเงิน และให้ความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมๆ กัน โดยมีระยะสัญญาหลายแบบให้เลือกได้ เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี 25 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า เรามีเป้าหมายในการเก็บเงินอย่างไร ยกตัวอย่าง อีก 10 ปีข้างหน้า อยากมีเงินก้อนมาลงทุน หรืออีก 25 ปีข้างหน้า วางแผนไว้เกษียณ เป็นต้น ซึ่งจะต่างการการออมเงินในธนาคารในแง่สภาพคล่อง ที่ผู้ทำประกันจะไม่สามารถถอนเงินระหว่างทางของสัญญาได้ หรือหากถอนก่อนกำหนด ก็จะได้รับเงินคืนตามที่ระบุในสัญญา
ข้อดีของการเก็บเงินกับประกันชีวิต
ออมเงินกับประกันชีวิต มีความเสี่ยงต่ำ
เนื่องจากการออมเงินในแบบของประกันชีวิตออมทรัพย์นั้นจะมีผลตอบแทนที่แน่นอน ว่าจะได้ผลตอบแทนคืนเมื่อครบสัญญาเท่าไหร่ ระหว่างสัญญาเท่าไหร่ และให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการเริ่มสร้างวินัยในการออมเงิน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนที่การันตีแบบแน่นอน
มีแผนประกันที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก
เนื่องจากการทำประกันแบบออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์นั้น จะมีแผนชำระเบี้ยประกันอยู่ที่ประมาณ 8-15 ปีโดยส่วนมาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่ยืดหยุ่นที่สุดคือเบี้ยต่อปีนั้น มีหลากหลายมาก ทั้งนี้เราสามารถบอกกับตัวแทนประกันชีวิตได้ว่าต้องการแบบไหน ตัวแทนประกันชีวิตก็จะคำนวณและนำเสนอแผนประกันที่ตรงใจให้แก่คุณ
ได้ความคุ้มครองชีวิตระหว่างถือกรมธรรม์
ในการทำประกันชีวิตก็ต้องมีการคุ้มครองชีวิตเป็นหลักอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อการทำประกันชีวิตนั้นหากเราเสียชีวิตหรือมีเหตุทำให้ไม่สามารถส่งเบี้ยประกันได้ ครอบครัวของเราหรือผู้ได้รับผลประโยชน์ก็ยังสามารถได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่าเงินออมหรือการลงทุนประเภทอื่นๆ
เลือกทำสัญญาเพิ่มเติมได้
ในการทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองเพิ่มเติมนั้น บางทีก็ต้องมีสัญญาหลักด้วย ในส่วนนี้ประกันชีวิตออมทรัพย์ก็ตอบโจทย์เช่นกัน เพราะมีช่วงระยะเวลาเฉพาะเจาะจง วางแผนการเงินและวางแผนเรื่องความคุ้มครองสุขภาพไปในตัว
สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้
ออมเงินกับประกันชีวิต สามารถนำสิทธิ์ไปใช้ลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้สูงสุดถึง 100,000 บาท ซึ่งส่วนมากจะมีแบบประกันลดหย่อนภาษีนี้อยู่แล้ว แต่จะอยู่ในหมวดหมู่ของประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ โดยจุดเด่นของประกันชีวิตแบบออมทรัพย์นั้น ก็คือ “ผลตอบแทน” อย่างที่เราพูดถึงไปในตอนต้นนั่นเอง
สรุป
เราสามารถเลือกใช้ช่องทางหลากหลายเพื่อใช้ในการบริหารการเงินและเก็บเงินให้เราได้ ขึ้นกับความเหมาะสม ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนนะคะ
เรียบเรียงบทความโดย boarddung.com