วันนี้อยากเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การลงทุนของตัวเองค่ะ วันที่แอดมินเริ่มต้นวางแผนการเงินอย่างจริงจังคือเมื่อประมาณ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ตอนที่มารับผิดชอบเพจ

3 การลงทุนที่ไม่มีวันขาดทุน

วันนี้อยากเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การลงทุนของตัวเองค่ะ วันที่แอดมินเริ่มต้นวางแผนการเงินอย่างจริงจังคือเมื่อประมาณ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ตอนที่มารับผิดชอบเพจ lumpsum นั่นแหละ
คำถามแรกที่มีหลังจากคิดจะวางแผนการเงินก็คือ มีเงินเก็บอยู่ประมาณนึง เราจะลงทุนอะไรดีนะ (ใครเป็นแบบนี้ยกมือขึ้น) สิ่งที่แอดมินลงมือทำในช่วงแรกๆ คือ หาว่ามีการลงทุนไหนที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ บ้าง ขอแค่ 8 – 10 % ก็พอ เดชะบุญที่พอจะมีความเข้าใจว่าผลตอบแทนสูงมากๆ นั้นไม่มีจริง ไม่อย่างนั้นอาจตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ไปแล้ว
เมื่อได้คำตอบว่าการลงทุนที่ได้ผลตอบแทน 8 – 10 % ก็คือ การลงทุนในหุ้น โอเค ความรู้เรื่องหุ้นก็พอมี ก็เลยจัดไป ลงทุนในพอร์ตหุ้นอย่างจริงจัง ผลก็คือ พอร์ตแดงแต่นั่นก็ยังไม่ใช่ประเด็น เพราะการขาดทุนระหว่างทางของการลงทุนในหุ้น ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ แอดมินไม่รู้จักตัวเองว่าเป็นคนทนความผันผวนไม่ได้ พูดง่ายๆ คือ เห็นตัวแดงแล้วเครียด นอนไม่หลับ ยิ่งเงินที่เอาไปลงทุนเป็นเงินที่สู้อุตส่าห์เก็บออมมาอย่างยากลำบาก ก็ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
ก็เลยกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองใหม่ ว่าถ้าอยากมีการเงินที่มั่นคง ต้องวางแผนยังไง เลยได้เรียนรู้ว่าที่ผ่านมาเราตั้งคำถามผิด เมื่อเราตั้งคำถามผิด ก็เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด มันเลยผิดไปหมด
พอตั้งคำถามใหม่ว่าควรวางแผนยังไง ก็เลยไปเจอทางสว่างจากครูบาอาจารย์ ผู้มีประสบการณ์มากมายที่บอกเอาไว้ว่า สิ่งที่ควรลงทุนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่สินทรัพย์หรือเครื่องมือทางการเงินใดๆ แต่การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด และไม่มีวันขาดทุน คือ “การลงทุนในตัวเอง”
ถามต่อว่า แล้วอะไรล่ะที่เรียกว่า “การลงทุนในตัวเอง” เท่าที่ได้ศึกษาและเอามาลองใช้ พบว่ามี

3 สิ่งที่เราควรลงทุนให้กับตัวเอง

1. การลงทุนในสุขภาพทั้งกายและใจ

ข้อนี้ให้เป็นอันดับแรกเลย เพราะอย่าลืมว่าร่างกายของเราจัดเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด ลองคิดดูว่าถ้ามีเงินมากมายแต่สุขภาพไม่ดี ต้องเจ็บป่วย กินอะไรก็ไม่อร่อย เที่ยวก็ไม่สนุก มันคงไม่มีประโยชน์ที่จะหาเงินมามากมาย ส่วนสุขภาพใจก็ยิ่งสำคัญ ในหนังสือ สู่จุดสูงสุดของชีวิตด้วย “พีระมิดสามสุข” ของคุณหมอคาบาซาวะ ชิออน บอกถึงความสุขที่อ้างอิงตามสารเคมีในสมอง อันดับแรกที่เราควรสร้างไว้เป็นพื้นฐานของชีวิต คือความสุขแบบเซโรโทนิน ซึ่งก็คือความสุขจากการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
อันดับ 2 คือ ความสุขแบบออกซิโทซิน หรือ ความสุขจากความรักและความสัมพันธ์ที่ดี และ บนสุดของพีระมิด คือความสุขแบบ โดพามีน ซึ่งหมายถึงความสำเร็จต่างๆ ของชีวิต เช่นการงาน การเงิน ข้อเสียก็คือโดพามีนเหมือนสารเสพติด ที่ได้แล้วก็อยากได้อีก อยากได้มากขึ้น ถ้าได้เท่าเดิมความสุขก็จะลดลง แอดมินมานั่งคิดดูว่า ที่ผ่านมาเรามีความสุขยาก ก็เพราะไปพึ่งพิงความสุขแบบโดพามีนมากเกินไป ไขว่คว้าความสำเร็จด้านการงาน และการเงิน ซึ่งเมื่อเราผิดหวัง ทุกอย่างก็พังลงมา เพราะพื้นฐานด้านล่างเราไม่แข็งแรงพอ
ก็เลยเอาใหม่ ใส่ใจกับสุขภาพทั้งกายและใจ รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งครอบครัวและคนรอบข้าง พบว่ามันทำให้มีความสุขได้ง่ายขึ้นจริงๆ ด้วย และถึงแม้จะผิดหวัง ไม่ได้ดังใจ ก็เหมือนมีฟูกนิ่มๆ มีบ้านให้เรากลับไปพักก่อนแล้วค่อยมาเริ่มใหม่ ดังนั้นถ้าคิดจะลงทุน ขอให้ลงทุนในสุขภาพก่อนเลย ให้พื้นฐานแแน่นไว้ก่อน แล้วจะต่อยอดขึ้นไปได้ง่ายขึ้น

2. การลงทุนในความคิด

ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ คือการปรับระบบความคิด หรือ Mindset ค่ะ เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ต่อการประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการเงิน แอดมินชอบเปรียบเทียบเป็นการปลูกต้นไม้ ถ้าอยากกินทุเรียนก็ต้องปลูกต้นทุเรียน ถ้าเราปลูกมะเขือเทศ แต่เฝ้ารอให้มันออกลูกมาเป็นทุเรียน ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ หรือแม้ว่าเราจะปลูกทุเรียนอยู่แล้ว แต่ลูกมันดันไม่ดก รสชาติไม่อร่อย การตัดแต่งกิ่งหรือใบ ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะต้นเหตุอยู่ที่การบำรุงดินและการใส่ปุ๋ย
เช่นกันกับเรื่องเงิน ถ้าเราต้องการเป็นผู้ที่มีความมั่งคั่งมั่นคงทางการเงิน อยากรวย อยากเป็นเศรษฐี แต่ยังมีทัศนคติของคนจน คนขาดแคลน ถึงจะมีความรู้ มีเครื่องมือทางการเงินมากมายแค่ไหน สุดท้ายเราก็จะกลับมาจนแบบเดิม เพราะไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ คนเราเหมือนต้นไม้อยู่อย่างนึง คือ โลกภายในสร้างโลกภายนอก ถ้าต้องการเปลี่ยนชีวิตต้องแก้ที่ภายในให้ได้ก่อน
พูดแล้วอาจจะดูเหมือนง่ายๆ ก็แค่เปลี่ยนความคิด แต่พอลงมือทำจริงจะบอกว่ามันยากมากและต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะความคิดแบบเดิมติดตัวเรามาตั้งหลายสิบปี การจะเปลี่ยนความคิดได้ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน เอาจริงๆ ตัวแอดมินเองถึงตอนนี้ก็ยังเปลี่ยนความคิดไม่ได้ 100% แค่ดีกว่าแต่ก่อนเท่านั้นเอง ส่วน Mindset ทางการเงินที่ดีมีอะไรบ้าง ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนึงชื่อว่า “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” ของคุณ T. Harv Eker ที่เป็นหนังสือยอดฮิตและขายดีตลอดกาล แอดมินเคยทำสรุปไว้ที่โพสต์นี้ค่ะ (ถ้าดูแล้วสนใจแนะนำให้หาอ่านฉบับเต็มนะคะ เพราะมีรายละเอียดอีกมากมาย)

3. ลงทุนในความรู้

เมื่อผ่านการลงทุนทั้ง 2 ข้อมาแล้ว แอดมินก็รู้จักตัวเองมากขึ้น เริ่มมีเป้าหมายที่เป็นของตัวเองแบบที่ไม่ได้ลอกคนอื่นมา ถึงตอนนี้ก็ได้เวลางัดความรู้ด้านการเงินที่มีออกมาใช้ หรือตรงไหนที่ยังขาดอยู่ก็ไปเรียนรู้ซะ
เราชอบแนวคิดของโค้ชหนุ่ม Money Coach ที่บอกว่า “High Understanding, High Returns หรือ ยิ่งคุณรู้จักและเข้าใจในสิ่งที่คุณลงทุนมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากเท่านั้น”
การเอาแต่วิ่งตามกระแสแห่กันไป เห็นใครทำอะไรแล้วรวยก็วิ่งตามไปเรื่อย ไม่เคยหยุดคิด หยุดมอง หรือเรียนรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วปัจจัยในการประสบความสำเร็จของเครื่องมือลงทุนต่างๆ เป็นยังไง ก็อย่าหวังว่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุน
ซึ่งมันเป็นคำกล่าวที่โคตรจริงเลย เพราะแอดมินก็ลองมาหลายอย่างในการลงทุนที่เค้าว่าดี ว่ามีกำไร ทั้ง หุ้น กองทุน คริปโทฯ แต่มันไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้รู้จักและเข้าใจสิ่งที่ลงทุนจริงๆ
โค้ชหนุ่มเคยบอกว่า ในโลกของการลงทุน ยิ่งเรียนรู้ หรือทำความรู้จักกับเครื่องมือลงทุนได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งประสบความสำเร็จในการลงทุนเท่านั้น ไม่เชื่อลองดูตัวอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์(ลงทุนในหุ้น) บิลล์ เกตส์ (ลงทุนในธุรกิจ) หรือ จิม โรเจอร์ส (ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้น) ทั้ง 3 ท่านลงทุนในเครื่องมือทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ก็ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับว่าเป็นกูรูในสิ่งที่พวกเขาทำ
ที่สำคัญที่สุดนอกเหนือไปจากการเรียนรู้และเข้าใจในสิ่งที่ลงทุนแล้ว ก่อนลงทุนในอะไรก็ตาม อย่าลืมดู “จริต” ของตัวเองด้วย ว่าเรามีความสุขกับการลงทุนมั้ย ลงทุนแล้วนอนหลับรึเปล่า โค้ชหนุ่มบอกว่า “การลงทุนที่ดีที่สุด อาจไม่ใช่การลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนได้สูงสุด แต่มันคือการลงทุนที่ทำให้คุณนอนหลับฝันดี”
นั่งพิจารณาตัวเองแล้วก็ไม่แปลกใจที่ก่อนหน้านี้การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ ก็เพราะทำกลับด้าน แทนที่จะทำความเข้าใจตัวเองก่อน กลับไปมองหาเครื่องมือการลงทุนที่จะได้กำไรดีๆ ตอนนี้ก็เลยกลับมาเริ่มใหม่ กำไรในตัวเงินยังไม่เห็น แต่ชีวิตมีความสุขขึ้น กินอิ่ม นอนหลับ ก็นับว่าเป็นกำไรชีวิตอย่างนึง
ใครที่เคยเป็นแบบแอดมินก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ มาเริ่มใหม่ด้วยกัน บอกเลยว่ามันไม่มีคำว่าสายเกินไป เพราะแค่เราตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเงิน ก็เท่ากับกำลังเดินอยู่บนเส้นทางของความสำเร็จแล้ว ไปต่อตามกำลังของตัวเอง ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร แล้วจะมีความสุขมากขึ้น อยากให้ลองทำดูค่ะ
เมื่อลงทุนในตัวเองจนพร้อมแล้ว ทั้งสุขภาพกายใจ Mindset และความรู้ ก็อยากชวนมาวางแผนการเงินกันค่ะ ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ดาวน์โหลด app lumpsum มาใช้ฟรีได้เลย
สนใจอ่านบทความหรือข่าวสารการเงินเพิ่มเติมได้ที่ boarddung.com
Scroll to Top