วิเคราะห์สถานการณ์ ค่าเงินบาท กับ ทองคำวันนี้

วิเคราะห์สถานการณ์ ค่าเงินบาท กับ ทองคำวันนี้

เรียกได้ว่าความผันผวนของเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ค่าเงินประเทศต่าง ๆ มีการแข็งตัว อ่อนตัว สลับกันไปมา ส่งผลกระทบต่อตลาดในหลายด้าน ทั้งทองคำ เงินสด ราคาน้ำมัน หรือหุ้น เราเลยจะพาทุกคนมาดูกันว่าสถานการณ์ ค่าเงินบาท กับ ทองคำวันนี้ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวสูงสุด แล้วจะส่งผลต่อเรายังไงบ้าง

ค่าเงินบาท กับ ทองคำ เกี่ยวข้องกันยังไง

เป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก ถ้าเราต้องการให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาท กับ ทองคำวันนี้ อย่างถ่องแท้ เพราะมีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงิน หรือแม้แต่มูลค่าของทองคำ และไม่ได้มีเพียงแค่ 2 อย่างนี้เท่านั้นที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดความผันผวนของค่าเงิน หากจะทำให้เข้าใจได้ง่าย เราขอย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่ในแต่ละประเทศก็มีสกุลเงินเป็นของตัวเอง และก็ประสบปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
เพราะแต่ละประเทศก็พยายามเพิ่มกำหนดค่าเงินของตัวเองเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางการค้า อย่างเช่น ทำให้ค่าเงินอ่อนเพื่อจะได้ประโยชน์จากการส่งออก ดังนั้น จึงมีการลงนามในสนธิสัญญา Bretton Woods สมาชิกทุกฝ่ายยินยอมยกเลิกกำหนดค่าเงินด้วยตัวเอง หรือแม้แต่การใช้ทองคำหนุนหลังเหมือนกับในอดีต เพราะสมัยก่อนถ้าต้องการพิมพ์ธนบัตร หรือสร้างเหรียญกษาปณ์ขึ้นมา ต้องมีทองคำหนุนหลังเป็นตัวกำหนดค่าของเงิน ไม่อย่างนั้นมันก็จะกลายเป็นเพียงแค่กระดาษ 1 แผ่น หรือโลหะ 1 เหรียญเท่านั้น
สมาชิกได้ผูกอัตราแลกเปลี่ยนของตัวเองเข้ากับเงินสกุลดอลลาร์ และเงินสกุลดอลลาร์จะเป็นเพียงแค่สกุลเงินเดียวเท่านั้นที่ใช้ทองคำหนุนหลังหมุนในอดีต จากนั้นก็มีการก่อตั้งองค์กรการเงินระหว่างประเทศขึ้นมา ประกอบไปด้วย ธนาคารเพื่อการก่อสร้างและการพัฒนา และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
หลักการก็คือ สมาชิกจะต้องผูกค่าเงินของตัวเองไว้กับเงินสกุลดอลลาร์ โดยกำหนดว่าเงิน 35 ดอลลาร์สามารถแลกทองคำได้ 1 ออนซ์ เลยเป็นสาเหตุหลักที่ว่าทำไมสหรัฐอเมริกาจึงกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจ และทำไมค่าเงินดอลลาร์กับทองคำจึงมีความเกี่ยวข้องกับค่าเงินของประเทศทั่วโลก

วิเคราะห์สถานการณ์ค่าเงินบาท กับ ทองคำวันนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นแม้ไม่ใช้ทองคำหนุนหลัง

จากข้อมูลข้างต้น น่าจะพอทราบความเป็นมาเกี่ยวกับมูลค่าของเงิน การใช้เงินสกุลดอลลาร์กำหนดค่าเงินสกุลอื่น ๆ หรือการที่เงินสกุลดอลลาร์ใช้ทองคำอยู่หลังเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราขอเข้าสู่ประเด็นหลัก นั่นก็คือราคาน้ำมันที่ปรับลดเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ค่าเงินดอลลาร์มีการแข็งค่าที่แกว่งตัวไปมาอย่างน่าเป็นห่วง หลังจากที่รัสเซียแบนการส่งออกเชื้อเพลิง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นแรงอย่างคาดไม่ถึง สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า เลยฉุดค่าทองคำให้ติดลบตามกันไป ล่าสุดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียตงวดที่ส่งในเดือนพฤศจิกายนลดลงไปถึง 3 เซนต์ ปิดราคาอยู่ที่บาร์เรลละ 89.63 ดอลลาร์ สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนงวดที่ส่งในเดือนพฤศจิกายนลดฮวบถึง 23 เซนต์ ปิดราคาอยู่ที่บาร์เรลละ 93.30 ดอลลาร์เลยทีเดียว
เหตุเกิดจากการที่รัสเซียแบนการส่งออกเชื้อเพลิง ทั้งเบนซิน และดีเซลชั่วคราว โดยไม่ป้อนน้ำมันเข้าสู่ประเทศนอกขอบเขตรักอดีตสภาพโซเวียตทั้ง 4 เพื่อเป็นการสร้างเสถียรภาพตลาดเชื้อเพลิงในประเทศของตนเอง คำสั่งนี้ทำให้คนที่ซื้อเชื้อเพลิงจากรัสเซียมาโดยตลอด ต้องหันไปพึ่งพาน้ำมันจากแหล่งอื่น ราคาน้ำมันเลยพุ่งตัวสูงขึ้น ยิ่งน้ำมันทำความร้อน ราคายิ่งดีดตัวถึง 5% เลยทีเดียว หลายคนต้องสงสัยแน่นอนเลยว่า ในเมื่อรัสเซียไม่ยอมส่งออกเชื้อเพลิง แล้วทำไมน้ำมันถึงราคาตก
สาเหตุเกิดมาจากการแกว่งตัวของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นนั่นเอง ราคาน้ำมันที่มีการซื้อขายด้วยเงินสกุลดอลลาร์จึงมีราคาสูงขึ้นสำหรับคนที่ถือสกุลเงินอื่น ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่ออุปสงค์ ที่สำคัญ การที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น ยังไปฉุดราคาทองคำให้ติดลบหนักสุดในรอบ 2 เดือนอีกด้วย ล่าสุดทองคำโคเม็กซ์ที่ส่งมอบงวดเดือนธันวาคมลดลงไปกว่า 27.50 ดอลลาร์ ปิดราคาที่ออนซ์ละ 1,939.60 ดอลลาร์เท่านั้น
ส่งผลกระทบยาวมาถึงตลาดหุ้นในสหรัฐที่ขยับลงอย่างรุนแรงไปตาม ๆ กัน ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ถึงขั้นต้องออกมาเตือนว่าเงินเฟ้อยังมีหนทางอีกไกล ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ในระดับเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง ดาวโจนส์ลดลง 1.08% S&P ลดลง 1.64% ส่วนหุ้น Nasdaq ลดลง 1.8 2% พวกหุ้นตัวใหญ่ที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยกลายเป็นตัวฉุดรั้งให้ทั้ง S&P และ Nasdaq ลงมาแต่ละจุดที่ต่ำที่สุดนะตั้งแต่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเลยทีเดียว
ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า ตอนนี้กำลังเตรียมเริ่มกระบวนการปรับดอกเบี้ยขึ้น หากมีความเหมาะสม เนื่องจากมีการคงนโยบายตามขอบเขตที่กำหนดเอาไว้ จนกว่าจะเกิดความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะเข้าสู่ระดับเป้าหมายอย่างยั่งยืน ส่วนคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางตอนนี้ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.25% ถึง 5.50% เท่านั้น และยังต้องคงอัตราดอกเบี้ยสูงเอาไว้ก่อนเพื่อป้องกันปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่จะตามมา

รวมปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของทองคำ

จากทั้งหมดที่กล่าวมา ทุกคนที่ยังคงใช้เงินเป็นสื่อกลางในการจับจ่ายใช้สอย เลยต้องให้ความสำคัญกับราคาทองคำ เพราะเพียงแต่ส่งผลต่อการลงทุนของเรา แต่ยังไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วยและ สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อราคาของทองคำในยุคปัจจุบัน มีดังนี้
  1. อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการเงิน มันเป็นความสัมพันธ์ขั้วตรงข้ามของราคาน้ำมัน ถ้าดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น หมายความว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว นักลงทุนก็จะเชื่อมั่นมากขึ้นกว่าเดิม เงินสกุลดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ราคาทองคำเลยปรับลดลง แต่หากมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายลง หมายความว่าตอนนี้เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ค่าเงินดอลลาร์เลยปรับตัวลงไปด้วย ทองคำก็จะมีราคาสูงขึ้น
  2. ราคาน้ำมัน น้ำมันเป็นสิ่งที่ผลักดันทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ มันเลยส่งผลต่อราคาทองคำไปด้วยโดยปริยาย ถ้าราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ทองคำก็จะขึ้นไปด้วย ที่สำคัญ ทั้งน้ำมัน และทองคำยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในตะกร้าเดียวกันอีกต่างหาก เวลานักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อขายน้ำมัน พวกเขาก็จะซื้อขายทองด้วยเหมือนกัน
  3. วิกฤตระดับโลก อย่างเช่น ภาวะสงครามเหมือนในตอนนี้ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง วิกฤตการณ์ฟองสบู่ทั้งหลาย ต่างส่งผลให้ทองคำราคาสูงขึ้นได้ เพราะมันเป็นหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคง และปลอดภัย ผู้คนเลยอยากจะเปลี่ยนเงินในมือของตัวเองให้กลายเป็นทองแทน เพราะไม่รู้เลยว่าวันไหนที่เงินในมือจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
  4. อัตราเงินเฟ้อ ถ้าในสหรัฐอเมริกามีอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ราคาทองคำก็จะปรับราคาขึ้นไปด้วย เพราะว่าเงินทุนจะหลั่งไหลเข้ามาซื้อทองคำมากขึ้นกว่าเดิม เป็นการป้องกันการลดลงของมูลค่าเงินที่มีสาเหตุมาจากอัตราเงินเฟ้อนั่นเอง
สรุปแล้ว สถานการณ์ค่าเงินบาท กับ ทองคำวันนี้ เกิดจากการที่รัสเซียแบนการขนส่งสินค้าอย่างน้ำมัน เพื่อสร้างเสถียรภาพตลาดเชื้อเพลิงในประเทศ ประกอบกับค่าเงินสกุลดอลลาร์แข็งตัวขึ้น ราคาซื้อขายน้ำมันด้วยสกุลเงินดอลลาร์จึงพุ่งสูงตาม จนไปฉุดราคาทองคำให้ติดลบตามไปด้วย สถานการณ์นี้ส่งผลต่อระบบทุนนิยมทั่วโลก เพราะสกุลเงินของสมาชิกในส่วนที่สัญญาขึ้นตรงกับค่าเงินสกุลดอลลาร์ และเงินสกุลดอลลาร์ก็ใช้ทองคำหนุนหลังอีกที วิกฤตการณ์ในครั้งนี้เลยส่งผลต่อเราทุกคนที่อยู่ห่างออกมา มากกว่า 13,000 กิโลเมตรนั่นเอง
เรียบเรียงบทความโดย boarddung.com
Scroll to Top